Contact us: 02 640 1410-1, 085 119 1518 info@studyinter.com

Top 10 QS Best Student Cities 2018

10 เมืองน่าอยู่สำหรับนักศึกษา

Top 10 best student cities

Quacquarelli Symonds หรือ QS สถาบันจัดอันดับการศึกษาชั้นนำจากประเทศสหราชอาณาจักร ได้ประกาศผลสำรวจเมืองน่าอยู่สำหรับนักศึกษา (QS Best Student Cities 2018)

โดยพิจารณาจากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก ความหลากหลายด้านเชื้อชาติของนักศึกษา คุณภาพชีวิต โอกาสการจ้างงาน และค่าครองชีพ

อันดับที่ 1: กรุง London ประเทศสหราชอาณาจักร (482 คะแนน)
London เมืองแห่งแฟชั่นและความหรูหราของประเทศสหราชอาณาจักร แม้ค่าครองชีพจะค่อนข้างสูงสำหรับนักเรียนต่างชาติ แต่ด้วยหลักสูตรที่มีความเข้มข้นของมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก โอกาสทางวิชาชีพและสังคม London จึงยังสามารถครองแชมป์อันดับหนึ่งเมืองการศึกษาของโลกได้

 

อันดับที่ 2: กรุง Tokyo ประเทศญี่ปุ่น (479 คะแนน)
Tokyo เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่นที่คนไทยส่วนใหญ่จะเลือกไปเรียนต่อ ไม่ว่าจะเป็นเรียนภาษา หรือหลักสูตรระดับปริญญา ซึ่งผลจากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก “มหาวิทยาลัยโตเกียว (The University of Tokyo)” ที่ติดอยู่ในอันดับที่ 28 (ปี 2018)

กรุงโตเกียวได้คะแนนคุณภาพชีวิตไปถึง 97 คะแนน และโอกาสในการจ้างงาน 100 คะแนน ถือเป็นสองหัวข้อดัชนีชี้วัดที่ทำให้โตเกียวมีคะแนนค่อนข้างดีมากในปีนี้

 

อันดับที่ 3: เมือง Melbourne ประเทศออสเตรเลีย (475 คะแนน)
Melbourne เมืองหลวงเก่าของประเทศออสเตรเลีย ที่สามารถไต่อันดับขึ้นมาได้ค่อนข้างสูงด้วยคะแนนสูงสุดจาก 3 หัวข้อใหญ่ๆ คือ ความหลากหลายทางเชื้อชาติของนักศึกษา Melbourne ได้ไปถึง 100 คะแนนเต็ม

รองลงมาเป็นหัวข้อคุณภาพความเป็นอยู่ และโอกาสการจ้างงาน Melbourne ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งการศึกษาและเมืองแห่งศิลปะ บรรยากาศดี มีชายหาดและแหล่งบันเทิงยามค่ำคืน แม้ว่าจะมีค่าครองชีพที่ค่อนข้างสูง

 

อันดับที่ 4: เมือง Montreal ประเทศแคนาดา (465 คะแนน)
Montreal เมืองสวย บรรยากาศดี การศึกษาเยี่ยม มีคะแนนโดดเด่นในเรื่องของความหลากหลายทางเชื้อชาติของนักศึกษาต่างชาติสูงถึง 94 คะแนน มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมสูง ประชากรสามารถพูดได้หลายภาษา

Montreal ยังเป็นเมืองใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ที่มีประชากรพูดภาษาฝรั่งเศสมากที่สุดในโลกรองจาก Paris

คะแนนในส่วนของคุณภาพชีวิตเป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่ Montreal ได้คะแนนค่อนข้างสูงคือ 89 คะแนน เนื่องจากเป็นเมืองสวย สะอาด ความปลอดภัยสูง เหมาะกับการศึกษาเป็นอย่างยิ่ง

นอกจากนี้เมือง Montreal ยังมีมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับโลกด้วยกัน 3 แห่งด้วยกัน และมหาวิทยาลัยที่ได้อันดับสูงสุดคือ “McGill Universit” ติดอยู่ในอันดับที่ 21 ของมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลกอีกด้วย

 

อันดับที่ 5: กรุง Paris ประเทศฝรั่งเศส (463 คะแนน)
Paris มหานครแห่งแฟชั่น ที่แม้จะขึ้นชื่อว่ามีค่าครองชีพที่ค่อนข้างสูง แต่ค่าเล่าเรียนที่ Paris กลับไม่สูงอย่างที่คิด โดยมีคะแนนสูงสุดในหัวข้ออันดับมหาวิทยาลัยโลก มี “École normale supérieure หรือ Normal”

สถาบันวิชาชีพชั้นสูงของกรุง Paris อยู่ในอันดับที่ 43 ของโลก จาก QS World University Rankings ปี 2018 และโอกาสในการจ้างงานได้ไป 88 คะแนน ส่วนคะแนนน้อยที่สุดสำหรับมหานคร Paris คงจะหนีไม่พ้นเรื่องค่าครองชีพ ซึ่งได้มาเพียง 38 คะแนน

 

อันดับที่ 6: เมือง Munich ประเทศเยอรมนี (460 คะแนน)
Munich ได้คะแนนอันดับสูงขึ้นกว่าปีที่แล้ว ด้วยคะแนนความพึงพอใจของนักศึกษาสูงถึง 99 คะแนน คะแนนคุณภาพชีวิต 89 คะแนน คะแนนค่าครองชีพดีเป็นอันดับที่ 2 รองจาก Berlin

เนื่องจากไม่มีค่าเล่าเรียนในระดับปริญญาตรีสำหรับนักศึกษาทุกชาติในมหาวิทยาลัยของรัฐ นอกจากนี้จากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของโลกปี 2018 “Technische Universität München” อยู่ในอันดับที่ 64

 

อันดับที่ 7: เมือง Berlin ประเทศเยอรมนี (455 คะแนน)
Berlin เมืองหลวงของเยอรมนี เป็นเมืองแห่งศูนย์กลางระดับโลกด้านการออกแบบ แฟชั่น ดนตรี และศิลปะ จึงมีความโดดเด่นทั้งทางด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ เป็นเมืองที่มีคุณภาพชีวิตสูง ได้รับความนิยมจากนักศึกษาต่างชาติโดยเฉพาะหลักสูตรภาษาอังกฤษในระดับปริญญาโท

 

อันดับที่ 8: เมือง Zurich ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (453 คะแนน)
Zurich เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อด้านความมั่งคั่ง ความเป็นระเบียบ และมีอัตราภาษีต่ำ ทางด้านการศึกษาได้คะแนนคุณภาพชีวิต 94 คะแนน โอกาสในการจ้างงาน 90 คะแนน

มี University of Zurich ติดอันดับที่ 73 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของโลก จากการจัดอันดับของ QS World University Rankings ปี 2018

ค่าเล่าเรียนในสวิตเซอร์แลนด์ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับประเทศสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย

 

อันดับที่ 9: เมือง Sydney ประเทศออสเตรเลีย (452 คะแนน)
ประเทศออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีคนนิยมเรียนต่อมากที่สุดเป็นอันดับสามของโลก รองจากสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร โดยมีถึงสองเมืองในประเทศที่ติดอยู่ในอันดับโลก คือ Melbourne และเมือง Sydney

แม้จะมีค่าครองชีพที่ค่อนข้างสูง แต่ก็ยังเป็นที่นิยมสำหรับคนที่คิดจะเรียนต่อ โดยมีมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง University of Sydney ติดอยู่ในอันดับที่ 37 ของโลก

Sydney ทำคะแนนได้ค่อนข้างสูงจากสามหัวข้อการประเมินคือ คุณภาพชีวิตได้ 95 คะแนน ความหลากหลายทางเชื้อชาติของนักศึกษา ได้ 97 คะแนน และโอกาสการจ้างงาน 84 คะแนน แต่ค่าครองชีพค่อนข้างสูงได้เพียง 23 คะแนน

 

อันดับที่ 10: กรุง Seoul ประเทศเกาหลีใต้ (449 คะแนน)
Seoul เมืองหลวงและมหานครที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเกาหลีใต้ นอกจากจะเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวของประเทศแล้ว มหานครแห่งนี้ยังมีมาตรฐานเรื่องการศึกษาที่ค่อนข้างสูง จากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลกปี 2018  “มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล (Seoul National University) อยู่ในอันดับที่ 36

สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของกรุง Seoul ในการจัดอันดับเมืองสำหรับนักศึกษาในครั้งนี้ เป็นหัวข้อโอกาสในการจ้างงาน ได้ไปถึง 92 คะแนน ซึ่งแสดงให้เห็นว่านักศึกษาที่จบจากมหาวิทยาลัยในกรุง Seoul ส่วนใหญ่จะได้รับการไว้วางใจจากหน่วยงานและนายจ้างเป็นจำนวนมาก รองลงมาจะเป็นเรื่องอันดับของมหาวิทยาลัย และความหลายหลายทางด้านเชื้อชาติของนักศึกษา

ที่มา: www.topuniversities.com

 

สมัครเรียนกับ IEP

คลิกดูรายชื่อสถาบันสอนภาษาของแต่ละประเทศ
คลิกดูรายชื่อโรงเรียน วิทยาลัย และมหาวิทยาลัยของแต่ละประเทศ